Last updated: 17 Nov 2022 | 2072 Views |
Positive Leader หรือ ผู้นำเชิงบวก เป็นอีกหนึ่ง Leadership Style ที่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้นำและคนในทีม เพราะเป็นทักษะที่จะช่วยพัฒนาผู้นำให้เป็นคนที่สามารถพาสมาชิกภายในทีมและองค์กรไปสู่เป้าหมายได้ แม้จะต้องเจออุปสรรคหรือปัญหา
ระหว่างทางก็ไม่หวั่น เพราะผู้นำเชิงบวกจะคอยสร้างแรงกระตุ้นและกำลังใจ โดยที่ไม่ทำให้สมาชิกภายในทีมเกิดความรู้สึกด้านลบแต่อย่างใด นี่จึงเป็นทักษะที่องค์กรควรนำมาพัฒนาคนในยุค Mega VUCA World ที่มีความผันผวนสูง เพราะการบริหารงานและบริหารคนนั้นยากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว อีกทั้งการแข่งขันในเชิงธุรกิจก็ทำได้ยากขึ้น การขับเคลื่อนทีมและองค์กรจึงต้องอาศัยกำลังภายใน หรือ Internal Resource ของคนมากขึ้นกว่าเดิม
คำว่า Positive Leader อาจจะเป็นคำที่หลายคนเคยได้ยินมาก่อน แต่อาจจะเข้าใจว่าผู้นำเชิงบวกก็คือ คนที่คอยชมคอยสร้างกำลังใจให้กับคนในทีมเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วผู้นำเชิงบวกมีบางแง่มุมที่บางครั้งอาจไม่ได้รับการกล่าวถึง วันนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับผู้นำเชิงบวกกันให้มากขึ้น ว่า Positive Leader หรือผู้นำเชิงบวกนั้นเป็นอย่างไร
Positive Leader คืออะไร เป็น Leadership Style แบบใด
คำว่า Positive Leader หรือที่แปลว่า ผู้นำเชิงบวก ใช้อธิบาย Leadership อีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นให้ผู้นำมีทัศนคติเชิงบวกกับการทำงาน มองโลกแง่ดีที่ยังอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง (Realistic Optimism) โดยจะมีการนำจิตวิทยาเชิงบวก หรือ Positive Psychology เข้ามาใช้ เพื่อที่จะได้นำทางสมาชิกในทีมให้เดินไปสู่ความสำเร็จพร้อมๆกัน ผ่านการพยายามนำจุดแข็งของคนในทีมมาใช้ (Focus on Strengths) ควบคู่ไปกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ไม่มีการต่อว่าแรงๆ เมื่อทำผิดพลาด ไม่สร้างความหวาดกลัวให้กับลูกน้อง แต่จะมุ่งเน้นให้ทุกคนเกิดความรู้สึกด้านบวกและโฟกัสกับสิ่งที่เราทำได้ดีเป็นสำคัญ
อ้างอิงจาก บทความของMax Klein การที่ผู้นำเริ่มศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้ทางด้านสมองที่เป็นอวัยวะที่สำคัญในการคิด และบริหารจะทำให้ผู้นำสามารถเพิ่มทักษะการเป็นผู้นำที่ดีได้มากขึ้น นอกจากนี้การที่ผู้นำพยายามโฟกัสไปที่จุดแข็งหรือสิ่งที่คนในทีมทำได้ดี ผ่านการสื่อสารที่จริงใจ และคำชม ก็ยิ่งจะสร้างพลังใจให้เขาเหล่านั้นพยายามที่จะรักษาและทำสิ่งที่ได้ที่เคยได้รับคำชมจากหัวหน้ามากขึ้น ภายในสมองของผู้นำแบบ Positive Leader จะมีการทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความไว้วางใจ ทำให้ผู้นำเชิงบวกพยายามเข้าใจคนในทีม และสามารถแสดงออกถึงความความเห็นอกเห็นใจ และทำให้ผู้นำเชิงบวก สามารถส่งต่ออารมณ์เชิงบวกให้กับคนรอบข้างได้ง่ายกว่า
นอกจากนั้น Positive Leader จะเป็นผู้นำที่มีความเชื่อใจในความสามารถของลูกน้อง เข้าใจความแตกต่างของแต่ละคน เชื่อว่าความสามารถของทุกคนสามารถพัฒนาได้ พยายามสร้าง Growth Mindset ให้กับคนในทีม สนับสนุนให้ทุกคนได้ทำในสิ่งที่ชอบ รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ และยังมีการสร้างแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกในทีมอยู่เสมอเพื่อกระตุ้นให้ทุกคนมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกันทำงานให้สำเร็จลุล่วงนั่นเอง
ความแตกต่างระหว่าง Positive Leader กับ Authoritarian Leader
อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่าผู้นำเชิงบวก หรือ Positive Leader จะเป็นผู้นำที่ใช้จิตวิทยาเชิงบวกในการบริหารงานอย่างที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้น ในทางกลับกันผู้นำแบบเก่าหรือที่เราเรียกว่า Authoritarian Leadership ก็จะเป็นผู้นำที่เน้นการสั่งงานให้คนในทีมทำตาม และหัวหน้าคือจุดศูนย์รวมในการสั่งการ วางแผนและการตัดสินใจ บางครั้งหัวหน้าในลักษณะนี้จะใช้วิธีการสร้างแรงกดดันให้ลูกน้องทำงาน เป็นรูปแบบ Leadership ที่มีความเข้มงวดสูง มีการลงโทษเพื่อสร้างความหวาดกลัวเพื่อให้ลูกน้องตั้งใจทำงานให้เสร็จและป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด
เนื่องจากสไตล์ของความเป็นผู้นำแบบนี้จะเน้นการสั่งเพื่อให้คนในทีมทำตาม ลูกน้องเองจึงอาจไม่ได้รับโอกาสในการแสดงความสามารถของตนเองเท่าที่ควร เมื่อหัวหน้าไม่เห็นความสามารถเหล่านั้นก็อาจทำให้เกิดความไม่เชื่อใจลูกน้อง ใช้ประสบการณ์และความสามารถของตนเองเป็นที่ตั้ง จนไม่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ ซึ่ง Leadership Skill แบบนี้ อาจส่งผลให้ลูกน้องรู้สึกว่างานน่าเบื่อ เพราะเป็นการได้รับคำสั่งและปฏิบัติตามอย่างเดียว ไม่เห็นถึงโอกาสในการแสดงศักยภาพของตนเองและเกิดความเครียดเมื่อทำงานผิดพลาดหรือไม่ตรงกำหนดเวลา ซึ่งการเกิดความกลัวและความเครียดนั้นมีผลกระทบกับความสามารถในการแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ ที่มีผลกับประสิทธิภาพของการทำงานโดยตรงนั่นเอง
ข้อดีของการเป็นผู้นำแบบ Positive Leader
1.) มีสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ลูกน้องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ด้วยความที่ Positive Leader เป็นผู้นำที่ตั้งใจส่งต่อพลังงานบวก พยายามที่จะสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย (Psychological Safety) งดการสร้างความหวาดกลัว ผู้นำเชิงบวก จึงเป็นผู้นำที่ทำให้บรรยากาศของการทำงานมีความสบายใจ สร้างแรงกระตุ้นและแรงขับเคลื่อนของคนในทีมให้มุ่งสู้เป้าหมายร่วมกัน นอกจากนั้น Leadership Skill รูปแบบนี้ยังช่วยลดความเครียดของลูกน้องได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้แต่ละคนทำงานของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคปัจจุบันการศึกษาทางด้าน Positive Leadership นั้นมีมากมาย และหนึ่งในการศึกษาที่น่าสนใจโดยอ้างอิงจาก
ผลการศึกษาของ Samuel Ajayi ซึ่งทำงานรับผิดชอบทางด้าน HR โดยตรงพบว่า พนักงานธนาคารที่มีความเครียด จะมีความสามารถในการจัดการงานลดลง ส่งผลให้เกิดข้อพลาดมากขึ้น และงานที่ได้ก็จะมีคุณภาพที่ลดลงด้วย
2.) เพิ่ม Self-esteem และ Self-Confidence ให้กับทุกคนในทีม
เวลาที่มีคนในทีมทำอะไรสักอย่างสำเร็จ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่บางคนอาจมองข้าม แต่ไม่ใช่กับ Positive Leader เพราะผู้นำแบบนี้จะคอยชมเราเสมอด้วยความจริงใจ ว่าเราทำสิ่งใดได้ดี และคอยย้ำเตือนว่าเรามีความสำคัญและเราคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ แม้บางครั้งที่เราทำผิดพลาด ผู้นำที่มี Leadership รูปแบบนี้ก็จะไม่ต่อว่าแรงๆ แต่จะให้ Feedback อย่างจริงใจ ตรงไปตรงมาแต่รักษาน้ำใจ และจะสอนให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดแทนการจมอยู่กับปัญหาซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมความมั่นใจในตัวเองให้กับลูกน้องได้เป็นอย่างดี และทำให้ทุกคนเชื่อและสามารถดึงความสามารถของตัวเองมาใช้ในการทำงานอย่างเต็มที่
3.) ลูกน้องกระตือรือร้นที่จะทำงาน เพราะได้รับแรงบันดาลใจ
นอกจากการชมด้วยคำพูดจะส่งผลดีกับคนในทีมแล้ว การให้รางวัลเพื่อขอบคุณที่ทำงานสำเร็จก็เป็นสิ่งที่ Positive Leader มักจะทำกัน เพราะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนในทีม ซึ่งใน บทความของบริษัทที่ปรึกษา Limeade ซึ่งมีสำนักงานอยู่หลายแห่งทั่วโลก ได้บอกว่าการให้รางวัล จะทำให้ลูกน้องกระตือรือร้นที่จะทำงานได้มากกว่าบทลงโทษ และยังเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนรู้จักที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นการสร้างความสุขให้กับคนที่ทำงานอย่างหนักและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับคนทำงานรู้สึกหายเหนื่อยและพร้อมทุ่มเทให้กับทีมและองค์กรต่อไป
4.) ความสัมพันธ์ภายในทีมแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ผู้นำแบบ Positive Leader จะมองว่าการสร้างความสัมพันธ์กับคนในทีมเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเขาจะสละเวลาในการพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ กับคนในทีม ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ไม่เว้นแต่เรื่องสัพเพเหระ สอบถามความเป็นไปในแต่ละวัน และคอยรับฟัง
ความคิดเห็นของคนอื่นๆในทีมอยู่เสมอ ซึ่งการกระทำแบบนี้นี่เองที่ทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าเป็นคนที่เข้าถึงง่าย สามารถพูดคุย หรือปรึกษาเรื่องต่างๆ ได้ ความสัมพันธ์ภายในทีมจึงมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เกิดความขัดแย้งน้อยลง คอยสนับสนุนกันและกันในเรื่องต่างๆ ที่สามารถทำได้
5.) มี Teamwork ที่ดี เพราะทุกคนเข้าใจจุดประสงค์ของงานตรงกัน
คนที่มี Leadership Skill แบบ Positive Leader จะมีความเข้าใจในความแตกต่างของแต่ละคนในทีม รู้ว่าใครถนัดงานแบบไหน ทำให้มอบหมายหน้าที่ที่เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละคนได้ นอกจากนั้นยังทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจจุดประสงค์ของงานตรงกัน จนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพาทุกคนในทีมไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด นับว่าเป็นหนึ่งในข้อดีอีกข้อที่ช่วยพัฒนาองค์กรให้ก้าวไปสู่เป้าหมาย
หากเราอยากเป็นผู้นำแบบ Positive Leader ต้องทำอย่างไร
1.) มองโลกด้วยทัศนคติเชิงบวก
การที่จะพัฒนาผู้นำให้เป็นแบบ Positive Leaderนั้น อันดับแรกเราสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ทางด้านจิตวิทยาเชิงบวก หรือ Positive Psychology มาใช้ในการทำงานเสียก่อน เพื่อปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการทำงาน ทำให้มองเห็นในมุมที่กว้างมากขึ้น เข้าใจในความแตกต่างมากขึ้น และยังช่วยให้เราส่งต่อพลังงานบวกไปยังคนในทีมได้อีกด้วย
2.) หมั่นสังเกตคนในทีมอยู่เสมอ
Positive Leader จะคอยสังเกตพฤติกรรมในการทำงาน ความถนัด และความชอบของแต่ละคนด้วยความใส่ใจ เพื่อที่จะนำมาประเมินว่าจุดแข็งของแต่ละคนคืออะไร เหมาะสำหรับงานแบบไหน หรือต้องเพิ่มทักษะด้านใดบ้าง หนึ่งในการประเมินจุดแข็งที่จะทำให้หัวหน้าเข้าใจลูกน้องมากขึ้นคือ จุดแข็งแบบ VIA Character Strengths ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังหลักของศาสตร์ทางด้านจิตวิทยาเชิงบวกนอกจากนั้นยังใช้ประเมินการทำงานของทีมในภาพรวมด้วย เพื่อที่จะประเมินว่ามีจุดไหนบ้างที่เป็นโอกาส และจุดไหนบ้างที่ต้องเตรียมรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
3.) บริหารทีมด้วยความรักแทนที่จะสร้างความกลัว และเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
นี่คือจุดสำคัญที่ช่วยพัฒนาผู้นำให้มี Leadership Style แบบ Positive Leader การที่เราบริหารทีมด้วยความรักและความเข้าใจ เปรียบคนในทีมเหมือนกับคนในครอบครัว จะทำให้ทุกคนในทีมรู้สึกถึงความเป็นมิตรและมีความเครียดจากงานน้อยลง การรับฟังความคิดเห็นของทุกคนในทีมด้วยความเคารพ ไม่ตัดสินด้วยอคติ คือ สิ่งที่ Leadership แบบ Positive Leader ควรทำให้เป็นนิสัย แม้บางครั้งความคิดเห็นที่เราได้รับฟังอาจจะดูไม่สมเหตุสมผลบ้าง แต่เราจะต้องพยายามฟังสิ่งที่ลูกน้องต้องการจะสื่อสารให้จบก่อน โดยที่ควรใช้คำพูดเชิงบวกในการตอบกลับ
4.) รู้จักชื่นชมความสำเร็จของผู้อื่น
การชื่นชมความสำเร็จของลูกน้อง คือ สิ่งที่ Positive Leader ควรทำเป็นประจำ เพราะจะทำให้ทุกคนในทีมมีความรู้สึกเชิงบวกกับงานที่ทำ ส่งผลให้ทุกคนรู้สึกคุ้มค่าที่จะทุ่มเทให้กับการทำงาน ซึ่งอาจจะเริ่มจากการชมทุกครั้งหลังเลิกงานว่า “วันนี้ทุกคนทำได้ดีมาก ขอบคุณที่ร่วมมือกัน” ก็ได้ เชื่อว่าแค่ประโยคสั้นๆแบบนี้ ก็ทำให้ลูกน้องพร้อมที่จะทำงานแบบเต็มความสามารถมากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Positive Leader เป็นผู้นำที่มีลักษณะที่ส่งผลดีกับลูกน้องจริงๆ หัวหน้าแบบนี้จะมีความเข้าอกเข้าใจในการทำงานของคนในทีม ทั้งยังคอยสนับสนุนในเรื่องต่างๆ เรียกได้ว่าเป็น Leadership Style อีกรูปแบบหนึ่งที่องค์กรต่างๆ กำลังตื่นตัวในการนำไปพัฒนาผู้นำ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยพัฒนาองค์กรให้ไปสู่ความสำเร็จได้ในโลก Mega VUCA World
11 Jun 2024