Last updated: 21 มิ.ย. 2565 | 1586 จำนวนผู้เข้าชม |
New Normal หรือความปกติในรูปแบบใหม่ ส่งผลกับเราหลายๆคนในแง่ของการทำงาน และถ้าหากเราเป็นผู้นำที่ต้องดูแลทีมงาน มีลูกน้องที่เราต้องรับผิดชอบอยู่หลายคน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอบนี้ลำบากและใช้พละกำลังของความเป็นผู้นำมากกว่าที่เคยเป็นมา การปรับตัวสำหรับหัวหน้าที่นำมาแนะนำกันนี้ อาจจะช่วยให้ผู้นำอย่างเราสามารถเป็นหัวหน้าที่สร้างพลังเชิงบวกและได้ใจลูกน้องในยามท้าทายค่ะ
1. เป็นหัวหน้าที่ต้องพูดให้มากกว่าเดิม การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราในฐานะหัวหน้าอาจต้องอธิบายข้อมูลต่างๆให้มากขึ้น การทำงานที่บ้านไม่ได้เจอหน้ากันก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เกิด Communication Gap หรือช่องว่างในการสื่อสารที่มากขึ้นกว่าเดิม ในการพูดคุยกับลูกน้อง หัวหน้าอาจต้องสื่อสารถึงเหตุผล ความตั้งใจ และสอบถามให้แน่ใจว่าสิ่งที่สื่อสารออกไปนั้นเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันกับลูกน้อง
2. เป็นหัวหน้าที่พร้อมเปิดใจรับ Feedback ในช่วงที่การทำงานเปลี่ยนไป เราอาจไม่สามารถใช้วิธีการเดิมที่เคย “Work” ในสถานการณ์ปกติมาใช้กับสถานการณ์ที่กำลังเจออยู่ในขณะนี้ ในฐานะหัวหน้าเราจึงควรเปิดใจยอมรับความคิดเห็น และ Feedback จากลูกน้องในทีม หัวหน้าที่มี Growth Mindset จะยอมรับคำแนะนำและ feedback เหล่านั้นเพื่อมาปรับปรุงและพัฒนาตนเองรวมไปถึงพัฒนารูปแบบการทำงาน ในช่วงเวลานี้หัวหน้าและคนในทีมต้อง “ก้าวไปด้วยกัน จะได้ก้าวไปได้ไกล”
3. เป็นหัวหน้าที่ลงทุนในความสัมพันธ์และความไว้ใจกับลูกน้อง เพราะความสัมพันธ์และความไว้ใจก็จะยังเป็นพื้นฐานของการสร้างความร่วมมือและยังเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นที่ทำให้การทำงานในทีมมีสิ่งที่เรียกว่า Psychological Safety หรือความปลอดภัยทางด้านจิตใจในการทำงาน ซึ่งก็หมายถึงการงดการตัดสิน และการที่คนในทีมกล้าสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมา แชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงการกล้ายอมรับแม้ยามที่ตนเองทำผิดพลาด ในช่วงเวลาที่เราเผชิญกับความไม่แน่นอน มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนในทีมของเราหรือแม้แต่ตัวเราเอง จะทำทุกอย่างและตัดสินใจทุกเรื่องถูกต้องไปหมด ดังนั้นหากเราเป็นผู้นำที่ยอมลงทุนกับการสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจกับลูกน้องแล้วการที่เราจะเป็นผู้นำที่ทั้ง “ได้ใจและได้งาน” ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้นค่ะ