Last updated: 29 มี.ค. 2567 | 1870 จำนวนผู้เข้าชม |
ในโลกของธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง ภาวะผู้นําแบบอุดมสติ (Mindful Leadership) จึงไม่ได้เป็นเพียงลักษณะที่พึงปรารถนาแต่ถือเป็นทักษะที่มีความจําเป็นเป็นอย่างยิ่ง การเป็นผู้นำแบบ Mindful Leadership มีประโยชน์มากมายที่สามารถนําไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมในการทํางานที่ดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจที่ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าส่วนบุคคลและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้นําเอง แต่ยังส่งผลดีต่อวัฒนธรรมการทำงานและความสําเร็จขององค์กรอีกด้วย
Mindful Leadership คือ ภาวะผู้นำในโลกยุคใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้นำในองค์กรที่ต้องการพัฒนาตนเองให้เป็นผู้นำที่ประสิทธิภาพ จากการวิจัย นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า สติสามารถส่งผลกระทบต่อกระบวนการทางสรีรวิทยาที่สามารถช่วยจัดการกับอารมณ์เชิงลบได้ รวมถึงการฝึกสติยังมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นของสสารในสมอง ซึ่งส่งผลในด้านความรู้และการทำความเข้าใจหลายประการ รวมถึงส่งผลต่อการจัดการความเครียดในแต่ละวันที่มีส่วนช่วยในการจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลําบากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น การผสมผสานระหว่างจิตใจและร่างกายนี้เองที่ทําให้คนเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการอารมณ์และการตอบสนองต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น ทีม Plusitives จึงอยากเชิญชวนทุกท่านมาทำความรู้จักกับภาวะผู้นำแบบ Mindful Leadership และการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นหนึ่งในผู้นำแบบ Mindful Leaders ที่ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาให้แล้วในบทความวันนี้ ไปค้นหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้เลย
Mindful Leadership คืออะไร?
ภาวะผู้นำอุดมสติ (Mindful Leadership) คือ ภาวะผู้นำที่ผสานวิธีการตระหนักรู้ตนเองในเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ รวมถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผลกระทบของการกระทําที่มีต่อตนเอง ผู้อื่น และองค์กร การตัดสินใจอย่างมีสติ การส่งเสริมวัฒนธรรมในที่ทํางานที่มีความเห็นอกเห็นใจ และการโอบรับทุกความแตกต่าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและการมีส่วนร่วมของคนในทีม รวมถึงส่งเสริมประสิทธิภาพการทํางานของพนักงานในเชิงบวกและส่งเสริมกระบวนการในการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นรูปแบบภาวะผู้นําที่เน้นไม่เพียงแค่การบรรลุเป้าหมายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเน้นความเป็นอยู่ที่ดีและการเติบโตของบุคคลและองค์กรโดยรวมอีกด้วย
5 Cs: ลักษณะของผู้นําแบบ Mindful Leadership
1. Composure (ความสงบ)
ผู้นำแบบ Mindful Leader จะมีความสงบ มีสติ และมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว (Resilience) ทําให้พวกเขาสามารถผ่านความผันผวนไม่แน่นอนและความเปลี่ยนแปลงได้อย่างสง่างาม มักทำเข้าใจว่าความล้มเหลวก็เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตตามธรรมชาติและยอมรับความท้าทายด้วยทัศนคติเชิงบวก รวมถึงมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้และสามารถนําความแข็งแกร่งภายในมาปรับใช้กับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
2. Compassion (ความเห็นอกเห็นใจ)
ผู้นำแบบ Mindful Leader มักมองตนเองและผู้อื่นด้วยความรักและความเมตตามากกว่าการด่วนตัดสิน รวมถึงสามารถเชื่อมโยงวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลและองค์กรเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดีและสามารถใส่ความเป็นผู้นําด้วยความรู้สึกจากใจสื่อถึงใจและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงานของตนเองได้เป็นอย่างดี
3. Connectivity (การเชื่อมต่อ)
ผู้นำแบบ Mindful Leader สามารถทำความเข้าใจในความเชื่อมโยงถึงกันและกันของทุกคนในทีม รวมไปถึงเข้าใจความคิด อารมณ์ และการกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ และตระหนักดีว่าแต่ละคนมีทักษะและจุดแข็งที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้นำที่มีส่วนร่วมกับคนในทีมด้วยการรับฟังสมาชิกในทีมอย่างใส่ใจ มอบโอกาสให้คนในทีมมีโอกาสแสดงศักยภาพและมีส่วนร่วม รวมถึงเน้นการสื่อสารที่ชัดเจนและเป็นมิตร ซึ่งนําไปสู่การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการทำงาน (Psychological Safety) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานที่ดียิ่งขึ้น
4. Curiosity (ความใฝ่รู้)
ผู้นำแบบ Mindful Leader จะมีทัศนคติแบบเติบโต (Growth Mindset) และมีความสามารถในการเปิดใจ พยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแทนที่จะด่วนสรุป และมักจะถามคําถามที่ทรงพลัง (Powerful Question) เพื่อดูมุมมองและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ และเต็มใจที่จะเปิดรับแนวคิดที่หลากหลายไม่ว่าจะดูแตกต่างเพียงใด รวมไปถึงสร้างพื้นที่ปลอดภัยสําหรับความคิดสร้างสรรค์และมุมมองใหม่ ๆ ที่หลากหลายของคนในทีม
5. Caliber (ความสามารถ)
ผู้นำแบบ Mindful Leader จะรู้วิธีทํางานอย่างมีคุณภาพให้สำเร็จลุล่วง รวมถึงสามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งและยอดเยี่ยมในสถานการณ์ทางธุรกิจ และมักส่งเสริมความรู้สึกสงบและสร้างความมั่นใจในผู้คนในทีมเพื่อให้คนในทีมนำศักยภาพสูงสุดมาใช้และนําความเป็นเลิศมาสู่งานที่ทําอยู่ และคอยส่งเสริมวัฒนธรรมการทํางานในเชิงบวกผ่านการเอาใจใส่ การสื่อสารที่เปิดกว้าง การชื่นชม และการให้ฟีคแบคเชิงสร้างสรรค์ (Constructive feedback)
ประโยชน์ของ Mindful Leadership ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพนักงานและประสิทธิภาพการทํางาน
1. เพิ่มความตระหนักรู้ในตนเองและมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น
รากฐานที่สําคัญของความเป็นผู้นําแบบ Mindful Leadership คือความเข้าใจความคิด อารมณ์ จุดแข็ง และจุดอ่อนของตนเองอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับรู้และจัดการกับอคติและแรงกระตุ้นที่ผลักดันอยู่ภายใน ทําให้สามารถตัดสินใจอย่างรอบคอบและปรับการกระทําให้สอดคล้องกับค่านิยมหรือความเชื่อของพวกเขามากขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมเรื่องความเห็นอกเห็นใจที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และสร้างความไว้วางใจกันภายในทีม ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมการทํางานที่เป็นมิตรต่อสมอง
2. มีความฉลาดทางอารมณ์และมีความหยืดหยุ่นมากขึ้น
ผู้นำแบบ Mindful Leadership จะมีทักษะในการจัดการอารมณ์ที่ดี ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีสติสัมปชัญญะและตัดสินใจอย่างมีเหตุผลแม้ในสถานการณ์ที่กดดันสูง ความยืดหยุ่นทางอารมณ์นี้จะส่งเสริมความรู้สึกสงบและความมั่นคง ส่งผลให้มีความพร้อมในการรับมือกับปัญหาหรือความท้าทายทุกรูปแบบ ผู้นำแบบ Mindful Leadership จะมองว่าความท้าทายเป็นโอกาสในการเติบโตด้วยมุมมองเชิงบวก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมของพวกเขาอดทนเมื่อเผชิญกับความยากลําบากอีกด้วย
3. ปรับปรุงประสิทธิภาพการทํางานและส่งเสริมนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์
ผู้นำแบบ Mindful Leadership มักจะโฟกัสในงานของตน นําไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งผู้นำแบบ Mindful Leadership ยังมีการส่งเสริมมุมมองและความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลายภายในทีมของตนและมักสร้างสภาพแวดล้อมที่สมาชิกในทีมรู้สึกปลอดภัยที่จะแบ่งปันแนวคิดใหม่ ๆ และรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทำให้ผลลัพธ์ในการทำงานออกมามีประสิทธิภาพและเกิดมุมมองแง่คิดใหม่ ๆ อีกด้วย
4. การสื่อสารที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความเป็นเลิศในการเป็นผู้นำแบบ Mindful Leadership อยู่ที่การสื่อสาร พวกเขามักจะเป็นผู้ฟังที่กระตือรือร้นและมีทักษะการฟังเชิงรุก (Active listening) ที่ดี ซึ่งจะส่งเสริมการสนทนาแบบเปิดกว้างและตรงไปตรงมา สิ่งนี้เองที่นําไปสู่ความเข้าใจในหมู่สมาชิกในทีม ป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น และส่งเสริมการทํางานเป็นทีมให้กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
5. การลดความเครียด
การฝึกความเป็นผู้นำแบบ Mindful Leadership เช่น การทําสมาธิและการฝึกสติ จะช่วยให้ผู้นําจัดการกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ที่ดีของตนเองเท่านั้นแต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีสําหรับสมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมอีกด้วย การวิจัยทางประสาทวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการฝึกสติเป็นประจําสามารถเปลี่ยนโครงสร้างและการทํางานของสมองได้ สิ่งนี้สามารถนําไปสู่การโฟกัสที่ดีขึ้นลดความเครียดและความสามารถในการตัดสินใจที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นผลลัพธ์ที่สําคัญของการฝึกความเป็นผู้นําแบบ Mindful Leadership
6. สร้างวัฒนธรรมในที่ทํางานเชิงบวกและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
ผู้นำแบบ Mindful Leadership จะส่งเสริมวัฒนธรรมทํางานในเชิงบวกและการโอบรับความแตกต่าง (Diversity and Inclusion) รวมถึงส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมกัน (Equality) สร้างบรรยากาศที่กลมกลืนและสนับสนุนให้สมาชิกในทีมรู้สึกมีคุณค่า ให้ความสําคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีและความก้าวหน้าส่วนบุคคลของบุคลากร ส่งผลให้พนักงานมีความสุขและมีส่วนร่วมมากขึ้น องค์กรที่มีผู้นําที่แบบ Mindful Leadership มักจะประสบกับอัตราการลาออกที่ต่ำนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว ความเป็นผู้นําเชื่อมโยงกับสติโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว เพราะผู้นําที่มีสติ (Mindful Leadership) จะแสดงความตระหนักในตนเองการควบคุมอารมณ์และความเข้าใจที่เห็นอกเห็นใจส่งเสริมวัฒนธรรมการทํางานในเชิงบวก ทั้งยังแสดงความเห็นอกเห็นใจ มีทักษะการฟังอย่างกระตือรือร้น และมีการสื่อสารที่เปิดกว้างมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับทีมของตน เมื่อผู้นำให้ความสําคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีและความสมดุลระหว่างชีวิตและการทํางาน ก็จะสนับสนุนให้บุคลากรคนอื่น ๆ ทําเช่นเดียวกัน สิ่งนี้นําไปสู่การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้น ลดความเหนื่อยหน่าย และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นการมีสติจึงช่วยส่งเสริมความเป็นผู้นําควบคู่ไปการส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้นําและทีมของพวกเขาเองอีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิงจาก
https://www.mindfulleader.org/blog/94232-the-neuroscience-behind-how-mindfulness
https://www.culturemonkey.io/employee-engagement/mindful-leadership/#how-is-mindful-leadership-related-to-employee-retention-and-productivity
https://www.indeed.com/career-advice/career-development/mindful-leadership
https://www.atlassian.com/blog/leadership/mindful-leadership#:~:text=Mindful%20leadership%20is%20an%20approach,the%20same%20consideration%20to%20yourself