Last updated: 21 มิ.ย. 2565 | 2124 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายวันก่อนมีคนมาปรึกษาว่ารู้สึกแย่มากที่ตัวเองไม่สามารถที่จะสลัดความคิดและอารมณ์เชิงลบออกได้ พยายามคิดในแง่ดีก็แล้ว ข่มใจไม่ให้คิดร้ายๆก็แล้ว แต่สุดท้ายความคิดและอารมณ์เชิงลบก็กลับมา
แน่นอนที่สุดการพยายามปฏิเสธหนีความคิดและอารมณ์เชิงลบไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นปฏิกิริยาทั่วๆไปของเราทุกคนที่อยากจะหนีจากความคิดและอารมณ์เชิงลบ เข้าทำนอง รักสุขเกลียดทุกข์ ซึ่งก็ไม่ได้แปลกอะไร แถมเวลาเราเข้า Social คนรอบข้างก็ดูเหมือนจะมีความสุขดีกันทุกคน ดูเหมือนไม่มีใครจะมีปัญหาแบบเราเลย
ในความเป็นจริยงเราไม่จำเป็นต้องปฏิเสธหรือหยุดความคิดเชิงลบ กดข่มบังคับตัวเองให้มีแต่ความคิดหรืออารมณ์เชิงบวกนะคะ เพราะจริงๆแล้วความคิดและอารมณ์เชิงลบก็เป็นธรรมชาติที่อยู่กับเราและมีประโยชน์ในการดำรงชีวิตของเราด้วยเช่นกัน เช่นทำให้เราระมัดระวังตัวหรือเห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สถานการณ์ที่เราทุกคนพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจากผลกระทบของโรค Covid19 ที่ผ่านมา ทำให้พวกเราส่วนใหญ่ทำงานและใช้ชีวิตยากไปกว่าเดิม การเกิดความคิดและอารมณ์เชิงลบในช่วงนี้จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แทนที่เราจะเลือกกดข่มหรือปฏิเสธมัน เราสามารถเลือกที่จะยอมรับและทำความเข้าใจกับความคิดและอารมณ์เชิงลบว่า เป็นของธรรมดาที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะการเริ่มยอมรับและหาสาเหตุของความคิดและอารมณ์เชิงลบจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเริ่มค่อยๆสามารถหาทางตั้งหลักและพาตัวเองออกจากอารมณ์เหล่านั้นได้
เมื่อเรายอมรับและเข้าใจ เราจะเริ่มหาสาเหตุว่าความคิดและอารมณ์เชิงลบเหล่านั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เราจะเริ่มหาวิธีการจัดการกับความคิดและอารมณ์เหล่านั้น เช่นการปรึกษา หรือปรับทุกข์กับคนใกล้ชิด เริ่มหาทางออก หรือเรียนรู้ที่จะปรับตัว สำคัญก็คือเราควรใช้ความตระหนักรู้และมีสติในช่วงที่เราเผชิญหน้าและยอมรับกับความคิดและอารมณ์เชิงลบ และไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาวะที่เราจมดิ่งไปกับความคิดและอารมณ์เชิงลบมากเกินไป เพราะนั่นอาจทำให้เราอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า การคิดวนไปวนมา หรือ Rumination ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลดีกับเรา หนำซ้ำยังทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งก็จะมีผลกับเราทั้งทางร่ายกายและจิตใจค่ะ